![]() |
"ซีโอทู (CO2) คู่ซี้ ซีเอชโฟร์
(CH4)
ลอยขึ้นโผล่ โตใหญ่ ในฟากฟ้า
เรือนกระจก ปกคลุม สุมโลกหล้า
เป็นปัญหา พาร้อน สะท้อนซ้ำ"
|

สภาวะโลกร้อนจากการปล่อยแก๊สหรือก๊าซเรือนกระจก หากจะเรียงตามลำดับผลของก๊าซเรือนกระจกนั้นคือ CO2, CH4, N2O, CFC, และ O3 ซึ่งทำให้เกิดน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้น คลื่นยักษ์จากทะเลยกตัวสูงมากขึ้น รวมทั้งมีฝนตกหนัก อากาศแปรปรวน เช่นทำให้เกิดมหาอุทกภัยกับประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม พ.ศ. 2554 เป็นต้น
แก๊สเรือนกระจก
แก๊สเรือนกระจกมีสาเหตุเกิดขึ้นมาคือ
1.
ไอระเหยของน้ำ (ไม่รวมก้อนเมฆ)
ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อนมากถึงประมาณ 30-60 %
2.
คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นตัวการทำให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อน
ประมาณ 9–26 % ซึ่งในปัจจุบันมีความเข้มในบรรยากาศของ CO2 ประมาณ 31 %)
3.
แก๊สมีเทน (CH4) เป็นตัวการทำให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อน
ประมาณ 4–9 % (ซึ่งในปัจจุบันความเข้มในบรรยากาศของ CH4 เพิ่มขึ้น 149 %)
4.
โอโซน (O3) เป็นตัวการทำให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อนประมาณ
3–7 %
หมายเหตุ หากเปรียบเทียบระหว่างโมเลกุลต่อโมเลกุลแล้ว
แก๊สมีเทนมีผลต่อปรากฏการณ์เรือนกระจกมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์
แต่ความเข้มข้นน้อยกว่ามาก ดังนั้นแรงการแผ่ความร้อนจึงมีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของคาร์บอนไดออกไซด์
อนึ่ง ยังมีแก๊สอื่นอีก เช่นไนตรัสออกไซด์ (N2O) ซึ่งเริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้นเพราะเกิดจากแก๊ส NOX ที่ถูกปล่อยจากท่อไอเสียของรถยนต์ที่ไม่มีเครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยาหรือ
Catalytic Converter (CAT) และการอุดการหมุนเวียนไอเสียหรือ Exhaust
Gas Recirculation (EGR)
ระดับอุณหภูมิเหล่านี้สูงกว่าอุณหภูมิของโลกที่ขึ้นๆ
ลงๆ ในช่วง 650,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้ที่ได้มาจากแกนน้ำแข็งที่เจาะมาได้
และจากหลักฐานทางธรณีวิทยาด้านอื่นก็ทำให้เชื่อว่าค่าของ CO2 ที่สูงในระดับใกล้เคียงกันดังกล่าวเป็นมาประมาณ 20 ล้านปีแล้ว การเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil fuel) มีส่วนเพิ่ม
CO2 ในบรรยากาศประมาณ 3 ใน 4 ของปริมาณ CO2 ทั้งหมดจากกิจกรรมมนุษย์ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
ส่วนที่เหลือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน โดยเฉพาะการทำลายป่าเป็นส่วนใหญ่
ความเข้มของปริมาณ
CO2 ที่เจือปนในบรรยากาศปัจจุบันมีประมาณ 383 ส่วนในล้านส่วนโดยปริมาตร
(ppm) ประมาณว่าปริมาณ CO2 ในอนาคตจะสูงขึ้นอีกจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล และการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน
อัตราการเพิ่มขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และการพัฒนาของตัวธรรมชาติเอง
แต่อาจขึ้นอยู่กับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก
รายงานพิเศษว่าด้วยการจำลองการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (Special Report on
Emissions Scenarios) ของ IPCC ได้จำลองว่าปริมาณ
CO2 ในอนาคตจะมีค่าอยู่ระหว่าง 541 ถึง 970 ส่วนในล้านส่วน ในราวปี พ.ศ. 2643 ด้วยปริมาณสำรองของเชื้อเพลิงฟอสซิลจะยังคงมีเพียงพอในการสร้างสภาวะนั้น
และยังสามารถเพิ่มปริมาณขึ้นได้อีกเมื่อเลยปี 2643 ไปแล้ว
ถ้าเรายังคงใช้ถ่านหิน น้ำมันดิน น้ำมันดินในทราย หรือมีเทนก้อนเป็นแก๊สมีเทนที่ฝังตัวในผลึกน้ำแข็งในสัดส่วนโมเลกุลมีเทน:โมเลกุลน้ำ
= 1 : 5.75 เกิดใต้ท้องมหาสมุทรที่ลึกมาก
อ้างอิงที่มาของข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/
:: ภาวะเรือนกระจก
:: การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศโลก
:: ปรากฏการณ์โลกร้อน
:: การลดลงของโอโซน
:: เอลนีโญ - ลานีญา
:: การทำลายป่าฝนเขตร้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น